Cappadocia city (แคปพาโดเซีย) สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ยอดนิยมที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
Cappadocia city (แคปพาโดเซีย) หรือถ้าเรียกแบบตุรกีก็ “คัปปาโดเกีย” ซึ่งแคปพาโดเชีย เมืองมรดกโลกยูเนสโก ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเนฟเชียร์ ประเทศตุรกี ที่เลืองชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ และสถาปัตยกรรม
ถ้านึกถึงตุรกีภาพแรกที่แว๊บเข้ามาในหัว เป็นภาพบ้านเมืองยุคหินและมีบอลลูนเต็มท้องฟ้าเป็นหนึ่งในเมืองที่ทุกคนทั่วโลกอยากมาที่สุด เมืองที่มีโรงแรมถ้ำเท่ๆ เจาะภูเขาเอามาทำเป็นโรงแรม เมืองที่มีร้านพรมเก๋สุด โดยปัจจุบันไฮไลท์เฉพาะของที่นี่ คือการได้ขึ้นบอลลูนล่องลอยไปบนท้องฟ้า ที่มีบริษัทมากมายให้บริการอยู่ทุกวันในช่วงฤดูร้อน ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น
แคปพาโดเชียอยู่ทางตอนกลางของประเทศตุรกี ห่างไปจากเมืองหลวงอย่างกรุงอังการาประมาณ 300กิโลเมตรค่ะ หรือราว ๆ 4 ชั่วโมงแต่อยู่ใกล้เมืองใหญ่อย่างไกเซรี ประมาณแค่ 70 กิโลเมตรเท่านั้น ในส่วนของภูมิภาคอานาโตเลีย ทำให้การเดินทางไม่ยากเลยครับโดย Cappadocia city รอบล้อมไปด้วยภูเขาหิน ซึ่งภูมิศาสตร์ที่นี่ จะค่อนข้างแล้ง ซึ่งเมืองเกอเรเม่ จะเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ที่สุดแต่สิ่งที่ทำให้มันน่าสนใจ มันมีมากกว่านี้เยอะค่ะ กระนั้นคิดว่าเพื่อน ๆ คงไม่สนใจประวัติศาสตร์ ที่ต้องอ่านกันยาว ๆ ฮ่า ๆ แต่ก็เอามาบอกเล่ากับแบบให้พอได้รู้กันบ้างเล็กน้อยเพื่อเป็นเกร็ดความรู้
ประวัติศาสตร์ชาวแคปพาโดเชีย
น่าสนใจมากๆค่ะ มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ก่อนคริสต์กาล ซึ่งชาวเมืองสมัยนั้นได้ใช้โลหะแต่งก้อนหินปูนต่าง ๆ ให้กลายเป็นที่อยู่อาศัย เพราะบรรดาก้อนหินแหลม ๆ ต่าง ๆ เป็นหินปูนอ่อนๆ และโดนธรรมชาติกัดกร่อน โดยฝน และ หิมะ (เคยตกบ่อยๆ) จนทำให้ปลายหินแหลม และมนุษย์ก็เข้าไปขุดชั้นหิน ทำเป็นที่อยู่อาศัยซะเลย
แต่กระนั้นมักมีชาวตะวันออกบุกมาโจมตี และ ปล้นสะดมอยู่เนื่องๆ ในสมัยก่อนคริสต์กาล ทำให้ชาวแคปพาโดเชีย ทำสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการขุดอุโมงค์ใต้ดิน และเก็บรักษาพืช และ สัตว์ไว้ในนั้น! แต่ดูเหมือนผู้รุกราน และ สงคราม จะมีมากจนเกินไปค่ะ ชาวเมืองเลยขุดไปเรื่อยๆไม่หยุด จนมีเมืองใต้ดินลึกลงไปอีกหลายชั้น พอยุคสมัยผ่านไป มันก็กลายเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ไป
บริเวณ Göreme Open Air Museum แหล่งกำเนิดมนุษย์ถ้ำ คือสถานที่แรกที่คุณควรมาเมื่อมาเยือนคัปปาโดเกีย พิพิธภัณฑ์แบบเปิดที่แสดงเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของบรรพบุรุษชาวคัปปาโดเชียน (Cappadocian) ได้ดีที่สุด ลูเคีย ไกด์สาวชาวตุรกี เล่าว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นหนึ่ง ในเขตอุทยานแห่งชาติเกอเรเม ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโกในปี 1985 เป็นถิ่นฐานที่ตั้งของผู้คนตั้งแต่ก่อนคริสตกาล และยังเป็นสถานที่ซึ่งชาวคริสเตียนยุคแรก ใช้หลบหนีภัยการล่าสังหารจากจักวรรดิโรมัน ก่อนที่คริสต์ศาสนาจะได้รับการประกาศ ให้เป็นศาสนาประจำชาติของจักรวรรดิ
หากสังเกตดี ๆ เราจะพบว่าโบสถ์ส่วนใหญ่ในเกอเรเม แบ่งเป็นสองขนาดคือเล็กและใหญ่ ขนาดเล็กมักสร้างราวศตวรรษที่ 3-4 เป็นห้องสี่เหลี่ยมไม่เกิน 9 ตารางเมตร เจาะโพรงเข้าไปในผนังเป็นแท่นพิธี ไว้ประกอบพิธีกรรม พร้อมสัญลักษณ์แทนองค์พระเยซู ซึ่งอาจเป็นเครื่องหมายบวกหรือสัญลักษณ์อื่น ตามพระคัมภีร์
“ในยุคนี้ชาวคริสเตียนไม่ใช้สัญลักษณ์ไม้กางเขนกันตรงๆ หรอกนะ หนึ่งคือยังแสลงใจต่อเหตุการณ์สิ้นพระชนม์ของพระองค์ และสองคือยังอยู่ในยุคหลบซ่อน” ลูเคียกล่าวพลางชี้เปรียบเทียบไปยังลักษณะของโบสถ์หลังโตหรือโบสถ์ขนาดใหญ่ “คุณเห็นโครงสร้างนั้นไหม มันมีโครงสร้างคล้ายสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ โบสถ์ที่สร้างหลังจักรวรรดิประกาศรับรองศาสนาแล้วจะโอ่อ่าอลังการและประดับด้วยภาพเฟรสโกที่เล่าเรื่องราวของพระองค์และอัครสาวก บางส่วนเล่าถึงวิธีการดำรงชีพในสมัยนั้น ส่วนใหญ่มีอายุประมาณศตวรรษที่ 9-12 ซึ่งเป็นยุคทองของศริสต์ศาสนา ก่อนจะเริ่มเสื่อมลงเมื่อชาวเติร์กเข้ามารุกราน”
แคปพาโดเชียนำพานักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกมากันเนื่องแน่นตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูร้อน ที่จะมีเทศกาลลอยบอลลูน ชมเมืองแคปพาโดเชีย จนประทับใจไม่รู้ลืมครับ และราคาอยู่ที่ชั่วโมงละ 5,000-10,000 บาท
เทียบกับความงามที่ได้ถือว่าโครตถูกมากๆค่ะ
เมืองนี้เป็นหนึ่งใน Bucket list ที่เราตั้งใจว่าจะมาให้ได้ และ สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลย คือการมาขึ้นบอลลูนที่เมืองนี้ กับ สภาพภูมิประเทศที่มีความเป็นเอกลักษณ์ มีมนต์เสน่ห์มากๆ ชวนให้อยากมาสัมผัสด้วยตาตนเองสักครั้งในชีวิต
ประวัติ Cappadocia city พาล่องบอลลูน ที่ท่องเที่ยวเสมือนอยู่ในเทพนิยาย
การล่องบอลลูนที่แคปพาโดเซีย (Balloons in Cappadocia) เป็นกิจกรรมการล่องบอลลูนลมร้อนที่มีชื่อเสียง และได้รับการโหวตให้เป็นการล่องบอลลูนลมร้อนที่ดีที่สุดในโลกมาอย่างต่อเนื่อง การล่องบอลลูนเหนือเมืองคัปปาโดเชียนักท่องเที่ยวจะได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามและน่าอัศจรรย์ของ “ดินแดนแห่งปล่องไฟนางฟ้า” จากมุมสูง หากมาเที่ยวมาคัปปาโดเชียแล้วพลาดการล่องบอลลูนเหนือท้องฟ้า ก็คงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่าเท่ากับยังมาไม่ถึง
เรื่องของการล่องบอลลูนลมร้อน บอลลูนหลากสีลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือดินแดน ซึ่งมีภูมิประเทศสวยงามไม่เหมือนที่อื่นใด คือภาพซึ่งเป็นที่จดจำอันเป็นเอกลักษณ์ของคัปปาโดเชีย ประเทศตุรกี
เมืองนี้มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นคือภูมิประเทศที่แปลกตา โดยพื้นที่ของเมืองคัปปาโดเชียนั้น เต็มไปด้วยแท่งหินปูนที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อ 3 ล้านปีก่อน แล้วลาวาเหล่านั้น ได้ก่อตัวเป็นชั้นแผ่นดินใหม่ โดนกระแสลมและน้ำกัดเซาะจนกลายเป็นรูปกรวยคว่ำ เป็นทรงคล้ายกระโจมกระจายอยู่ทั่วไป จึงถูกขนานนามว่า ดินแดนแห่งปล่องไฟนางฟ้า
บอลลูนลมร้อนมีหลักการทำงานคือไอร้อน จากหัวจุดเชื้อเพลิงจะส่งให้บอลลูนลูกโตลอยสูงเหนือพื้นดิน กัปตันจะเป็นผู้บังคับบอลลูนให้ค่อยๆ ลอยตัวไปเรื่อยๆ ผ่านภูมิทัศน์แปลกตาหลายแห่ง อาทิ Devrent Valley, Red Valley, Pasabag Valley และสถานที่น่าสนใจอื่นๆ อีกหลายแห่ง โดยกัปตันจะเป็นผู้บังคับบอลลูนให้ลอยต่ำลัดเลาะไปตามซอกเขาเพื่อให้ลูกทัวร์ในกระเช้าได้ชมรายละเอียดของหินผาได้ชัดเจน ทัศนียภาพด้านบนเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจและอลังการพอๆ กับความเล็กจิ๋วของสิ่งที่อยู่เบื้องล่างเมื่อมองจากมุมสูง เรียกว่าบรรยากาศและทัศนียภาพของการล่องบอลลูนชมคัปปาโดเชียนั้นสวยงามจนใครหลายๆ คนอยากหยุดเวลาเอาไว้
ลักษณะที่เป็นมาตรฐานของการทัวร์ล่องบอลลูนที่คัปปาโดเชียโดยทั่วไปคือ มีบริการรถตู้รับ – ส่งที่โรงแรมตั้งแต่เวลาประมาณตี 4 หรือตี 5 ไปยังจุดปล่อยตัวบอลลูน ซึ่งที่จุดปล่อยบอลลูนนั้นจะมีอาหารเช้าง่ายๆ อาทิ กาแฟ ขนมปังไว้บริการ หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จพอถึงเวลาประมาณ 6 โมงก็ได้เวลาขึ้นบอลลูน โดยบอลลูนแต่ละกระเช้าจะสามารถจุนักท่องเที่ยวได้ 16 – 24 คน การล่องบอลลูนนั้นใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยจะลงจอดที่พื้นในเวลาประมาณ 7 โมง การทัวร์ล่องบอลลูนนั้นจะมีธรรมเนียมการเปิดแชมเปญจน์เฉลิมฉลองเมื่อบอลลูนลงจอดและมีประกาศนียบัตรมอบให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย
ทัวร์บอลลูนมีให้บริการเกือบทุกวัน วิธีที่สะดวกที่สุดสำหรับการจองทัวร์บอลลูนคือติดต่อจองผ่านโรงแรมที่นักท่องเที่ยวพักได้เลย เนื่องจากบริษัททัวร์จะได้จัดเวลาและรถมารับที่โรงแรมได้ถูกต้อง อย่างไรก็ดี แนะนำว่านักท่องเที่ยวควรวางแผนและเช็กสภาพอากาศให้ดีก่อนไป เนื่องจากว่าหากช่วงไหนอากาศไม่เหมาะสมก็จะไม่สามารถขึ้นบอลลูนได้ แม้นักท่องเที่ยวจะได้รับสิทธิ์ในการที่สามารถกลับมาขึ้นบอลลูนได้ใหม่ในวันถัดไป แต่บางท่านก็อาจไม่ได้มีเวลาสำรองไว้สำหรับการท่องเที่ยวที่นานขึ้น ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบวันเวลาที่ให้บริการและแพ็คเก็จราคากับทัวร์บอลลูน ต่างๆ ที่ให้บริการ
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การไปท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถล่องบอลลูนลมร้อนที่คัปปาโดเชีย ได้เกือบทุกวัน ตลอดทั้งปี ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม – กลางเดือนมิถุนายน) ซึ่งเป็นช่วงที่สภาพอากาศของประเทศตุรกีกำลังดี ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไปและเป็นช่วงที่กลางวันยาว นักท่องเที่ยวจึงสามารถใช้เวลาเที่ยวชมสถานที่ได้ยาวนานขึ้น ฤดูใบไม้ร่วง (กลางเดือนกันยายน – ตุลาคม) ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน แต่กลางวันสั้นและมีโอกาสเกิดฝนตก
นักท่องเที่ยวควรเตรียมเครื่องแต่งกายให้พร้อมและเหมาะสมกับสภาพอากาศในช่วงฤดูที่ไป เนื่องจากอากาศในยามเช้าส่วนใหญ่จะเป็นช่วงที่ยังค่อนข้างหนาวเย็น ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องเดินทางออกจากที่พักตั้งแต่เช้ามืด ประมาณตี 4 กระทั่งเสร็จกิจกรรมในเวลาประมาณ 7 โมง
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ขึ้น ล่องบอลลูน แต่ต้องการชมวิวสวยๆ ของบอลลูนหลากสีที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็สามารถไปรอชมได้ที่จุดชมวิวบอลลูน ซึ่งจุดชมวิวบอลลูนนั้นมีอยู่หลายจุดด้วยกัน อาทิ Goreme Panorama เป็นจุดชมวิวบอลลูนที่สวยมากๆ แห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด นอกจากนี้ยังมี Goreme Sunset and Sunrise Viewpoint ซึ่งมีจุดชมวิวบอลลูนแบบระยะประชิดและเป็นจุดชมวิวบอลลูนที่สวยที่สุดอีกจุดหนึ่ง เดินทางสะดวกและมีระยะทางใกล้ที่สุดจากหมู่บ้าน Goreme ทั้งนี้ การไปจุดชมวิวบอลลูนต้องไปก่อนที่บอลลูนจะปล่อยคือก่อน 6 โมงเช้า
อัตราค่าเข้าชม
ราคาตั๋วขึ้นกระเช้าบอลลูนอยู่ที่ราคา 1,000 – 1,300 ลีราตุรกี ขึ้นอยู่กับทัวร์ที่เลือก และจำนวนสมาชิกในบอลลูนแต่ละกระเช้า เมื่อไปล่องบอลลูนที่คัปปาโดเชีย เราจะได้รับาศนียบัตรเก็บไว้เป็นความทรงจำหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมการล่องบอลลูนอีกด้วย
อ่านต่อคลิกที่นี่>>>เที่ยวยุโรปตะวันออก