แลนด์มาร์คจอร์เจีย จะเที่ยวเองก็ไม่ยาก หรือสะดวกไปกับ ทัวร์จอร์เจีย

แลนด์มาร์คจอร์เจีย

แลนด์มาร์คจอร์เจีย ทัวร์จอร์เจีย ประทศสุดเขตทวีปเอเซียที่คุณจะต้องหลงไหล

แลนด์มาร์คจอร์เจีย

แลนด์มาร์คจอร์เจีย ประเทศจอร์เจีย (Georgia) อยู่ตรงไหนของโลก ประเทศที่มีพรมแดนติดกับรัสเซีย อาเซอร์ไบจาน ตุรกี และติดชายฝั่งทะเลดำ แม้จอร์เจียจะไม่ใช่พิกัดยอดฮิต หากได้ไปสักครั้งแล้วจะติดใจอย่างแน่นอน หลายคนที่เป็นสายท่องเที่ยว ก็อาจจะรู้จักกับประเทศนี้มากันบ้างแล้ว แต่เชื่อว่ามีหลายคนที่ไม่คุ้นสักเท่าไหร่ และไม่รู้ด้วยว่าอยู่แถบไหนของแผนที่โลก เที่ยวจอร์เจีย pantip

เราจะมาแนะนำอีกหนึ่งประเทศที่น่าสนใจ ทัวร์จอร์เจีย อยากให้ทุกคนได้ไปท่องเที่ยว และสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม ดินแดนแห่งภูเขาสุดขอบทวีปเอเชีย ประเทศจอร์เจียฟิวยุโรปดินแดนสองทวีป  มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 2,500 ปี และเต็มไปด้วยสถานที่สวยงามทั้งแม่น้ำ ป่าไม้ ภูเขาน้อยใหญ่ ให้เราได้ชมวิวธรรมชาติ รวมถึงเที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์ ประเทศจอร์เจียฟิวยุโรปดินแดนสองทวีป

แม้จะตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย แต่สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมกลับได้ฟิว เหมือนทางฝั่งยุโรปมากกว่า หากใครกำลังที่จะ แพลนเที่ยวจอร์เจีย ขอแนะนำเที่ยวจอร์เจียได้ง่าย ๆ เพราะว่าคนไทยยังสามารถไปเที่ยวได้ แบบไม่ต้องขอวีซ่าและอยู่ได้นานถึง 365 วัน น่าสนใจแล้วใช่ไหมล่ะคะ ใครอยากไปเปิดประสบการณ์ใหม่เราจะพาไป แลนด์มาร์คจอร์เจีย ที่ไปถึงจอร์เจียแล้วต้องไม่พลาด ควักกล้องมาถ่ายรูป และเช็คอินเก็บบรรยากาศที่งดงาม รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

ขอบคุณแผนที่จาก Google map

แลนด์มาร์คจอร์เจีย 10 แห่งที่ต้องไม่พลาด เที่ยวได้ตลอดทั้งปี

1.โบสถ์เกอร์เกติ (Gergeti Trinity Church)

ที่เที่ยวแรกคือ แลนด์มาร์คจอร์เจีย โบสถ์เกอร์เกติ เป็นโบสถ์เก่าแก่ของประเทศจอร์เจีย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 ตั้งอยู่ใน เมืองคาสเบกิ บนหน้าผาริมแม่น้ำเชเครี (Chkheri) ท่ามกลางวิวของเทือกเขาคอเคซัสเป็นฉากหลัง ทัศนียภาพของโบสถ์นี้ ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจอร์เจีย ประเทศจอร์เจียฟิวยุโรปดินแดนสองทวีป

2.อนุสาวรีย์พระแม่แห่งจอร์เจีย (Mother of Georgia)

อนุเสาวรีย์อลูมิเนียมยาว 20 เมตรของสตรีในชุดประจำชาติจอร์เจีย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจอร์เจีย และเป็นอนุเสาวรีย์ในเมืองหลวงของเมืองทบิลิซี โดยมือซ้ายถือชามไวน์เพื่อทักทายผู้ที่มาเยือนแบบเป็นมิตร ส่วนข้างขวาของเธอถือดาบไว้สู้กับผู้ที่เข้ามาเป็นศัตรู ซึ่งเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่ง การต้อนรับ และธรรมชาติที่เป็นมิตรของประเทศ ถูกสร้างขึ้นบนยอดเขา Sololaki ในปี 1958 ซึ่งเป็นปีที่ทบิลิซีฉลองครบ 1,500 ปี

แลนด์มาร์คจอร์เจีย

3.เทือกเขาคอเคซัส (Caucasus Mountains)

เป็นทือกเขาที่สูงในยุโรป เป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ ทำหน้าที่แบ่งพรมแดนระหว่างทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย ประเทศจอร์เจียฟิวยุโรปดินแดนสองทวีป ทำให้เกิดกลุ่มประเทศที่อยู่ในสองทวีปขึ้น ข้างบนเทือกเขาคอเคซัสในฝั่งประเทศจอร์เจีย หนึ่งในภูเขาบนเทือกเขาคอเคซัส ที่เราสามารถขึ้นไปชมวิวได้อย่างสุดลูกหูลูกตา

4.เมืองถ้ำโบราณ ถ้ำอุพลิสชิเค่ (Uplistsikhe)

ใครที่ชอบสถาปัตยกรรมโบราณ ทัวร์จอร์เจีย ต้องขอแนะนำพิกัดนครถ้ำอุพลิสซิเค่ ซากเมืองบนพื้นที่ 40,000 ตร.ม. ยังคงงดงาม ความอลังการที่ถูกสรรค์สร้างมากว่า 3,000 ปี ถูก UNESCO ยกให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมรดกโลก World Heritage ตั้งแต่ปี 2007 โครงสร้างในเมืองถูกเชื่อมด้วยอุโมงค์ทั้งหมด พูดถึงประวัติศาสตร์ที่แห่งนี้เคยถูกขนานนามให้เป็น “Lord’s Fortress”

ซึ่งเป็นที่พักของพ่อค้า และช่างฝีมือทั้งหลาย ส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมเชื่อมจักรวรรดิไบแซนไทน์ในอดีต แต่ถูกกองทัพมองโกลบุกทำลาย และต้องเผชิญหน้ากับภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง ทำให้หลงเหลือเพียงซากอารยธรรมโบราณ ที่รอให้นักท่องเที่ยวมาค้นพบเสน่ห์ด้วยตัวเอง เที่ยวจอร์เจียด้วยตัวเอง

แลนด์มาร์คจอร์เจีย เที่ยวแบบสบายใจ ฟรีวีซ่า

5.พงศาวดารจอร์เจีย (Chronicles of Georgia)

ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงที่สามารถมองลงมาทะเลสาบ Tbilisi Sea ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่สร้างขึ้นและเป็นจุดชมวิวมุมสูงที่สามารถมองเห็นเมืองทบิลิซีได้อย่างชัดเจน ที่นี่เป็นอนุเสาวรีย์ที่บอกเล่าเรื่องราวของประเทศจอร์เจียตั้งแต่ที่มีการรับศาสนาคริสต์เข้ามาในประเทศเมื่อราว 1700 ปีก่อน ซึ่งเสาแต่ละต้นจะมีขนาดใหญ่มาก ๆ และสูงถึง 35 เมตร ความยิ่งใหญ่ของที่นี่ได้มีผู้คนขนานนามว่าเป็นสโตนเฮนจ์ของทบิลิซี ตรงนี้ก็เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต่างให้ความสนใจและเข้ามาชมความอลังการของที่นี่เป็นจำนวนมาก

แลนด์มาร์คจอร์เจีย

6.มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ทบิลิซี (Holy Trinity Cathedral of Tbilisi)

จอร์เจียที่เที่ยว แลนด์มาร์คจอร์เจีย อีกหนึ่งพิกัดสำคัญก็คือ มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ทบิลิซี หรือ มหาวิหารโฮลี่ทรินิตี้ ตั้งอยู่ในเมืองหลวงทบิลิซี เป็นโบสถ์หลักของคริสตจักรออร์โธดอกซ์จอร์เจีย บางครั้งถูกเรียกว่า Sameba Cathedral ตั้งอยู่ในเมืองหลวงกรุงทบิลิซี จัดว่าเป็นวิหารสูงราว ๆ 70 เมตร ตัวโบสถ์มีขนาดใหญ่และได้รับการจัดว่าสูงที่สุดติดอันดับ 3 ของโบสถ์ออร์โธดอกซ์ในโลก ในแถบอ่าวเปอร์เซีย

ก่อสร้างค.ศ 1995 – 2004 ความโดดเด่นของวิหารนี้ต้องยกให้ช่วงค่ำ เพราะดูจากมุมไหนของเมืองก็สวย เด่นตระหง่านด้วยไฟสีทองอร่ามสว่างไสว โรแมนติกมาก ๆ ค่ะ ทัวร์จอร์เจีย ประเทศจอร์เจียฟิวยุโรปดินแดนสองทวีป

7.โบสถ์เกอลาติ (Gelati Monastery)

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของจอร์เจียที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1106 ทางตะวันตกของประเทศจอร์เจีย นับว่าเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของยุคทองของเศรษฐกิจและการเมือง ตัวโบสถ์โดดเด่นด้วยด้านหน้าของตัวอาคารที่ใช้อิฐบล็อกขนาดใหญ่ ช่องประตูและหน้าต่างโค้งได้สัดส่วนสวยงาม โบสถ์เกอลาติ เป็นหนึ่งในโบสถ์ยุคออร์โธด็อกซ์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง

ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวิทยาศาสตร์และการศึกษา อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในจอร์เจียโบราณ ส่วนภายในโบสถ์มีจิตรกรรมฝาผนัง ที่บอกเล่าเรื่องราวของพระเยซูและนักบุญต่าง ๆ ของศาสนาคริสต์

ประวัติศาสตร์ของประเทศจอร์เจียและประเทศรัสเซีย

8.อนุสาวรีย์มิตรภาพรัสเซีย-จอร์เจีย (Memorial of Friendship)

อนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 1983 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันดี ของประเทศจอร์เจียและประเทศรัสเซีย โดยอนุสรณ์สถานนี้ตั้งอยู่บน Devil’s Valley ระหว่างเมืองกูดาอูรีและคาซเบกี เป็นอนุสรณ์สถานขนาดใหญ่ที่มีความสวยงาม ภายในมีการวาดภาพประวัติศาสตร์ของประเทศจอร์เจียและประเทศรัสเซียไว้ ซึ่งหอนุสรณ์สถานนี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาที่มีความสวยงามอย่าง คอเคซัส อีกด้วย

9.สะพานแห่งสันติภาพ (The Bridge of Peace)

จอร์เจียที่เที่ยว ที่เที่ยวแบบทันสมัยสะพานแห่งสันติภาพ เป็นสะพานคนเดินรูปโค้ง ดูสถาปัตยกรรมสะพานแห่งสันติภาพข้ามแม่น้ำมิควารี (Mtkvari River) ที่รังสรรค์โดยชาวอิตาเลียนที่ตั้งอยู่ในจอร์เจียกันบ้าง ก่อสร้างด้วยเหล็กและแก้ว ประดับไฟ LED จำนวนมากเหนือแม่น้ำคูรา อยู่ในตัวเมืองทบิลิซี เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย ตัวสะพานทอดยาว 150 เมตร

แลนด์มาร์คจอร์เจีย

เราจะได้ชมเมืองในมุมมองแปลกใหม่ เป็นสะพานที่มีด้านบนโค้งราวกันคันศรธนูดูเหมือนพริ้วไหวตามสายลม ถึงแม้จะดูขัดจากสถาปัตยกรรมโบราณโดยรอบ แต่ก็น่าแวะเวียนไปดูโชว์แสงสีก่อนพระอาทิตย์ตกดินที่จอร์เจีย เป็นสะพานเชื่อมต่อเขตเมืองเก่ากับเขตเมืองใหม่เข้าด้วยกัน ในเวลากลางคืนสะพานจะถูกส่องสว่างด้วยไฟ LED สีขาวนับพันบริเวณหลังคา เป็นภาพที่สวยงามมาก ๆ เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาด ทัวร์จอร์เจีย

10.รูปปั้นคู่รัก (Ali and Nino)

รูปป้ันอาลีและนีโน่ งานสถาปัตยกรรมโลหะสมัยใหม่รูปคู่รักชายชาวอาเซอร์ไบจานและหญิงสาวชาวจอร์เจียในนวนิยายท้องถิ่น มีขนาดสูง 8 เมตร ตั้งอยู่ริมทะเลดำ เมืองบาทูมี ถูกสร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงความรักของหนุ่มสาวต่างเชื้อชาติและศาสนา และยังแสดงถึงสันติภาพระหว่างประเทศจอร์เจีย และอาร์เซอไบจานด้วย ถือว่าเป็นงานสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจเลยทีเดียว ประเทศจอร์เจียฟิวยุโรปดินแดนสองทวีป

ประเทศที่น่าเดินทางไปเที่ยว ค่าครองชีพถูกราคาสบายกระเป๋า

เพราะการเดินทางทำให้เราค้นพบประสบการณ์ใหม่ ๆ และเป็นสีสันให้กับชีวิตไม่ให้เกิดความจำเจ เป็นการเปิดโลกกว้างให้กับตัวเอง การไปเที่ยวพักผ่อนต่างประเทศ ก็เป็นเป้าหมายที่ดีและน่าสนใจไม่ใช่น้อย แต่บางประเทศที่อยากจะไปสัมผัสนี่สิ ก็ช่างเป็นอุปสรรค์ต่อหลายปัจจัยเสียเหลือเกิน เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายจำนวนไม่น้อยในการเดินทางแต่ละครั้ง ฉะนั้นเราควรเลือกประเทศ ที่ค่าครองชีพถูก ประเทศจอร์เจียฟิวยุโรปดินแดนสองทวีป เป็นอีกทางเลือก

จอร์เจียประเทศน่าเที่ยวที่ช่วยประหยัดงบ สำหรับคนที่มีงบจำกัดและรักในการท่องเที่ยว ด้วยค่าครองชีพที่เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าสตางค์ สกุลเงินของประเทศจอร์เจียคือลารี (GEL) การเที่ยวจอร์เจียแบบประหยัดงบอยู่ที่ประมาณ 4200 บาทต่อวัน ประเทศจอร์เจีย ค่าเงิน โดยร้านอาหารส่วนใหญ่มีราคาค่าอาหารต่อมื้ออยู่ที่ประมาณ 300 บาทต่อมื้อ และมีค่าโรงแรมโดยประมาณ 1400 บาทต่อคืนและค่าโดยสารรถประจำทาง 12 บาทต่อเที่ยว

เป็นอีกหนึ่งประเทศในจำนวน 32 ประเทศที่คนไทยไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า รีวิว เที่ยวจอร์เจีย2566 และใครหลงรักประเทศนี้ และอยากจะอยู่กันยาว ๆ จอร์เจียก็จัดให้ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถเข้าไปเที่ยว ทัวร์จอร์เจีย ในประเทศจอร์เจียได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และพำนักอยู่ได้เป็นระยะเวลายาว ๆ ถึง 365 วันเลยนะจะบอกให้ ถึงแม้จะไม่ต้องขอวีซ่าแต่ถ้าพาสปอตไม่มี ก็เข้าประเทศเขาไม่ได้นะคะ การเดินทางจากประเทศไทยไปจอร์เจียจะใช้เวลาประมาณ 11-12 ชั่วโมง

 

อ่านต่อ>>บาคาร่า 1 บาท