เอเวอเรสต์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกเป็นความใฝ่ฝันของนักพจญภัยที่ต้องให้ได้สักครั้ง

เอเวอเรสต์

เอเวอเรสต์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก คงไม่มีใครไม่รู้จัก ยอดเขาเอเวอเรสต์ 

เอเวอเรสต์  ก่อนหน้าที่จะมาเป็นชื่อเอเวอเรสต์ ภูเขาแห่งนี้เคยได้ชื่อว่ายอดเขา XV (ยอดที่ 15) แต่ในเวลาต่อมา เซอร์แอนดรูว์ วอห์ (Andrew Waugh) ได้ตั้งชื่อภูเขาแห่งนี้ว่า เอเวอเรสต์ ตามนามสกุลของ เซอร์จอร์จ อีฟเรสต์ (George Everest) (คำว่า Everest คนส่วนมากอ่านออกเสียง เป็นเอเวอเรสต์ ขณะที่เซอร์จอร์จอ่านออกเสียง ชื่อสกุลของตัวเองว่าอีฟเรสต์) ซึ่งเป็นทีมสำรวจทีมแรก ที่เข้าไปสำรวจยังบริเวณยอดเขาเอเวอเรสต์ในปี ค.ศ. 1841

ยอดเขา เอเวอเรสต์ 2022 เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ในโลกที่มีความสูงถึง 8,848 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่นี่..เป็นจุดนัดพบของ ผู้ที่รักการผจญภัยสำหรับนักปีนเขาและผู้รักธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ในแต่ละปีมีผู้มาเยือนเป็นจำนวนมาก ในทางภูมิรัฐศาสตร์ ยอดเขาแห่งนี้ ถือเป็นจุดแบ่งพรมแดนระหว่างประเทศเนปาลและทิเบต ซึ่งอยู่ในภูเขาหิมาลัย ด้วยความสูงที่มากสุด ในโลกทำให้บริเวณยอดเขามีอากาศหนาวเย็นแบบสุดขั้ว ในช่วงหน้าหนาว และมีหิมะปกคลุมยอดตลอดทั้งปี มีลมที่พัดแรงมาก ออกซิเจนค่อนข้างน้อย นักปีนเขาหลายคน จึงเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นี่ หากร่างกายไม่แกร่งพอ ช่วงอุณหภูมิที่นักปีนเขา สามารถเข้าถึงได้ในช่วงต้นปี จะอยู่ที่ประมาณ -36 องศาเซลเซียส และช่วงหน้าร้อน -19 องศาเซลเซียส แต่ถ้าใครที่สามารถพิชิตยอดเขาแห่งนี้ได้ จะรู้สึกเหมือนได้เป็นอีก 1 ความสำเร็จของชีวิต และที่สำคัญได้สัมผัส กับความสวยงามและความยิ่งใหญ่ ด้วยสายตาในแบบที่ไม่เคยได้เห็น ที่ไหนมาก่อนอย่างแน่นอน

เอเวอเรสต์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ยอดเขานี้ตั้งอยู่ที่ใด มีกระบวนการเกิดอย่างไร

ยอดเขาที่อันตรายที่สุดในโลก ด้วยความที่ยอด ภูเขาเอเวอเรสต์ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลมาก จึงทำให้มีความกดอากาศต่ำ มีอากาศหนาวเย็นจับใจในช่วงหน้าหนาว มีหิมะปกคลุมยอดเขาตลอดทั้งปี เส้นทางที่กว่าจะเข้าไป ถึงบริเวณเบส แคมป์ (ประมาณ 5,364 เมตรจากระดับน้ำทะเล) ของทางฝั่งเนปาล ก็ยังต้องไต่เขาขึ้นไป ซึ่งไม่ได้มีความสะดวกสบาย และจากเบส แคมป์ ก็ยิ่งเป็นเส้นทางที่อันตรายมากยิ่งขึ้น เพราะยิ่งสูงความกดอากาศก็ยิ่งต่ำ มีออกซิเจนน้อย ลมพัดแรงมาก หากโชคไม่ดีก็อาจจะเจอกับพายุหิมะ ซึ่งนั่นหมายถึงการสูญเสียชีวิตเลยทีเดียว

ก่อนที่จะเดินทางไปยังยอดเขาเอเวอเรสต์ หรือแม้กระทั่งเบส แคมป์ นักปีนเขาจำเป็นต้องศึกษา สภาพอากาศอย่างถี่ถ้วน โดยในเดือนที่เหมาะสม ต่อการปีนสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ จะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคมและเดือนตุลาคม เพราะเป็นช่วงที่มีอากาศไม่หนาวเย็นมาก ไม่มีพายุหิมะ ท้องฟ้าจะเปิดโล่งสดใส มีอากาศเพียงพอต่อการหายใจ ทำให้การเดินทางนั้นง่ายขึ้นมาก

สาเหตุที่ทำให้เอเวอเรสต์เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก

1. มีการชนกันของเปลือกทวีปของโลก และมีการชนกันทุก ๆ ปี ทำให้มีความสูงของเอเวอเรสต์มีความสูงเพิ่มมากยิ่งขึ้น
2. ยอดเขาเอเวอเรสต์อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร การเกาะตัวของธารน้ำแข็งจึงไม่ค่อยหนามากพอ ที่จะกร่อนหินในแถบยอดภูเขา ให้มีความสูงที่ลดลงได้ หินภูเขาจึงไม่ค่อยถูกกัดกร่อน จากธารน้ำแข็งเท่าใดนัก ยอดเขาเอเวอเรสต์จึงมีความสูงที่ไม่ลดลงมาก

ประกอบด้วยชั้นหินตะกอนและหินแปรหลายชั้น ที่มีน้ำแข็งและหิมะปกคลุม เกือบถาวร มีอายุประมาณ 60 ล้านปี ที่นี่เป็นแหล่งกำเนิด ของความหลากหลายทางชีวภาพ เนื่องจากในส่วนที่สูงที่สุด ของเอเวอเรสต์มีการลดลง ของอุณหภูมิและความดันบรรยากาศ

จึงทำให้สัตว์และพืชหลายชนิดไม่สามารถอยู่ได้ มีเพียงสัตว์บางชนิดเท่านั้นที่รอด ตัวอย่างเช่น จามรี พวกมันเป็นสัตว์ที่มีปอดขนาดใหญ่ทำให้สามารถอยู่รอดได้ในที่สูงถึง 6,000 เมตร ยังมีนกบางชนิด เช่น นกประหลาดสีเหลืองที่สามารถบินได้สูงถึง 8,000 เมตร

นอกจากนี้ยังมีสัตว์บางชนิดที่สามารถอยู่รอดได้เช่นกัน ได้แก่ แพนด้าแดง หมีดำหิมาลัย เสือดาวหิมะ แมงมุมบางชนิด และแร้ง ส่วนพืชพรรณนั้นสามารถพบเห็นได้บางชนิดเท่านั้น อาทิ มอสตามโขดหิน ไลเคนและพืชบางชนิดที่ระดับความสูงประมาณ 4,876 เมตร ถ้าสูงขึ้นไปประมาณ 5,600 เมตร จะไม่มีพืชพรรณชนิดใดเลย

เอเวอเรสต์

รู้ได้อย่างไรว่าเอเวอเรสต์ สูง 8,848 เมตร และการเดินทางที่มีค่าใช้จ่ายที่สูง

เอเวอเรสต์ ประเทศอะไร หลักๆแล้ว เนปาลและจีน จะดำเนินการวัดความสูงของยอดเขาแห่งนี้ โดยทั้ง 2 ประเทศต่างก็ใช้ระบบนำทางด้วยดาวเทียม GNSS (Global Navigation Satellite Systems) เพื่อรับข้อมูลระดับความสูง จากเครื่องรับสัญญาณหลายแห่ง ในการคำนวณ ก่อนหน้านี้จีนได้เคยวัดความสูงของยอดเขาเอเวอเรสต์มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี 1975 และอีกครั้งในปี 2005 จนกระทั่งล่าสุด เจ้าหน้าที่สำรวจของจีน ได้ใช้ระบบดาวเทียมนำทางเป๋ยโต่ว (BeiDou) มาใช้ในการวัดความสูงดังกล่าว เอเวอเรสต์ สูงเท่าไหร่ รวมถึงวัดความหนาของหิมะ สภาพอากาศและความเร็วลมด้วย ส่วนเจ้าหน้าที่สำรวจของเนปาลใช้ระบบ GPS ในการคำนวณ จนได้ค่าความสูงที่ทั้ง 2 ประเทศยอมรับกันได้ที่ประมาณ 8,848.86 เมตร ความสวยงามของยอดเขาเอเวอเรสต์ จึงเป็นสิ่งที่นักปีนเขา จากทั่วทุกมุมโลกถวิลหา แน่นอนว่าจะต้องมีประเทศไทยอย่างแน่นอน ซึ่งคนไทยคนแรก ที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์สำเร็จก็คือ คุณวิทิตนันท์ โรจนพานิช ครีเอทีฟรายการโทรทัศน์ และผู้กำกับภาพยนตร์ เมื่อปี 2551 ไม่แน่คนต่อไปอาจเป็นคุณก็ได้

การเดินทางสู่เอเวอเรสต์และค่าใช้จ่าย

การจะขึ้นสู่ยอด เขาเอเวอเรสต์ นั้นมี 2 เส้นทาง คือ เบส แคมป์ ทางด้านเหนือจากฝั่งทิเบต (5,150 เมตร) และเบส แคมป์ ทางด้านใต้จากฝั่งเมือง Lukla (5,364 เมตร) ประเทศเนปาล โดยจากทางฝั่งด้านทิเบตนั้น มีเส้นทางรถยนต์และรถไฟเข้าถึง หากต้องการโดยสารรถไฟ นักท่องเที่ยวสามารถมา ขึ้นรถไฟได้ที่เมือง Lhasa ในทิเบต ไปสู่สถานี Shigatse ซึ่งเป็นบริเวณเบส แคมป์ ส่วนทางฝั่งประเทศเนปาล นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเครื่องบิน มาที่เมืองหลวง คือเมืองกาฐมาณฑุ แล้วต่อเครื่องบินไปลงที่เมือง Lukla จากนั้นเดินเท้าขึ้นสู่เบส แคมป์ ทางด้านใต้

ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไปสู่ยอดเขาแห่งนี้เริ่มต้น สูงถึงคนละ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,087,649 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) เลยทีเดียว และไม่ใช่ว่าจะมีเพียงเงินอย่างเดียวแล้ว จะไปเยือนเอเวอเรสต์ได้ นักปีนเขาต้องมีร่างกายที่แข็งแรง สามารถทนต่อสภาวะ อากาศที่หนาวเย็นได้อย่างดีอีกด้วย

เป็นความใฝ่ฝันของคุณ มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะทำความฝันให้เป็นจริง เพราะเมื่อพร้อมทั้งทุนทรัพย์ และร่างกายก็สามารถเป็นหนึ่ง ในผู้พิชิตเอเวอเรสต์ได้ แม้แต่การขึ้นไปถึงเอเวอเรสต์ เบส แคมป์ ก็เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก สำหรับชีวิตคนหนึ่งคนแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก่อนเดินทางควรศึกษาข้อมูล ให้ละเอียด วางแผนการเดินทางอย่างรัดกุม และควรเตรียมแผนสำรอง ไว้ยามฉุกเฉินด้วย แค่การเตรียมตัวเท่านี้ ไม่ว่าจะทริปไหน ๆ คุณก็จะประทับใจไม่รู้ลืม ยอดเขาที่สูงที่สุดในเอเชีย

ทางเข้าพนัน>>> แทงคาสิโน เว็บไหนรวย