ประเทศที่ขอวีซ่าง่าย 5 ประเทศที่ขอวีซ่านักเรียนง่ายที่สุด

ประเทศที่ขอวีซ่าง่าย

ประเทศที่ขอวีซ่าง่าย มาดู 5 ประเทศที่ขอวีซ่าง่าย สำหรับนักเรียนที่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ

ประเทศที่ขอวีซ่าง่าย แค่คิดก็รู้แล้วว่ายาก สำหรับการขอวีซ่าไปเรียนต่อต่างประเทศแต่ละที ต้องมาลุ้นว่าจะผ่านหรือไม่ จะผ่านหรือเปล่านะ แล้วถ้าเกิดไม่ผ่านจะทำยังไง ต้องทำอย่างไรดี บางที่คือกว่าผลจะออกก็เป็นเดือน ๆ เครียดจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ

แต่ในความเป็นจริงแล้ว การพิจารณาวีซ่าของแต่ละประเทศ กฎกติกาก็ไม่เหมือนกัน บางประเทศถึงกับขึ้นชื่อว่าให้วีซ่ายากมาก ขอเอกสารอย่างเยอะ ขั้นตอนเพียบ แต่บางประเทศ ก็มีขั้นตอนไม่โหดมาก สัมภาษณ์ไม่หินสักเท่าไหร่

อังกฤษ หนึ่งในตัวเลือกต้น ๆ ก็คืออังกฤษและประเทศในสหราชอาณาจักร ตัวเลขโดยรวมจากปี 2021 กำหนดไว้ว่า นักเรียนต่างชาติ ที่จะมาเรียนต่ออังกฤษ ขอวีซ่าผ่านถึง 96.5% และมีแค่ 3.27% เท่านั้นที่ไม่ผ่าน ซึ่งปัจจุบัน นับว่าลดลงมาจากสถิติในปี 2020 ที่ออกวีซ่านักเรียนให้มากถึง 97.43% และปฎิเสธไปแค่ 2.34%

ออสเตรเลีย อัตราการให้วีซ่านักเรียนของออสเตรเลีย ถือว่าใช้ได้ โดยขอวีซ่าผ่านกันมากถึง 93% ในปี 2021/2022 หรือถ้าย้อนดูกลับไปปีก่อน (2020/2021) ก็จะเห็นว่า ทางออสเตรเลียออกวีซ่านักเรียน ให้นักเรียนต่างชาติกันตั้ง 96.8% ซึ่งตัวเลขเค้าค่อนข้างมั่นคง คือระดับ 90% อัพกันทั้งนั้นนับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา

แคนาดา ด้วยความน่าสนใจของประเทศนี้ ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มหันมาสนใจแคนาดา และตั้งเป้าจะไปเรียนต่อที่นี่กัน ขอวีซ่าผ่าน 70% วีซ่าไม่ผ่าน 30% ขอวีซ่านักเรียนรอนาน ประมาณ 3-4 เดือน

เราจะเห็นได้ชัดเลยว่า ตัวเลขคนมาขอวีซ่านักเรียน ในแคนาดาตอนนี้เพิ่มสูงขึ้นมาก แต่พอคนเยอะขึ้นแล้วไม่ได้เตรียมเอกสารให้ถูก ก็โดน reject วีซ่ามาเยอะเหมือนกัน

นิวซีแลนด์ ก็เป็นประเทศที่น่าไปมาก ๆ ยิ่งใครเป็นสายแนว รักธรรมชาติ ชอบความ slow life แนะนำให้ไปเลยค่ะ ไม่ผิดหวังแน่นอน ตอนนี้หลาย ๆ มหาลัยก็คึกคัก เตรียมต้อนรับนักศึกษาต่างชาติกันเยอะ ใครอยากไปลองปรึกษาพี่ ๆ ไอดีพีได้เลยค่ะ ขอวีซ่าผ่าน 88% ขอวีซ่าไม่ผ่าน 12% ขอวีซ่านักเรียนต้องรอนาน ประมาณ 1-3 เดือน

อเมริกา เป็นประเทศที่ติดโผตลอดกาล ใครอยากย้ายประเทศ อยากไปเรียนต่อที่นี่อ าจจะต้องเคยหยิบอเมริกามาเป็นเป้าหมายกันแน่นอน วีซ่าของเค้าก็ได้ชื่อว่าโคตรจะยากมาก แต่ถ้ามาดูทางตัวเลขแล้ว จริง ๆ ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดขอวีซ่าผ่าน 85% ขอวีซ่าไม่ผ่าน 15% ขอวีซ่านักเรียน แล้วต้องรอนานแค่ไหน คำตอบคือ ประมาณ 1-3 เดือน

ประเทศที่ขอวีซ่าง่าย กับเทคนิคขอวีซ่าให้ผ่านฉลุย

เริ่มเข้าสู่ช่วงหน้าหนาวปลายปี เชื่อว่าหลายคน กำลังมีแผนที่จะไปเที่ยวต่างประเทศ และบางประเทศนั้น จำเป็นต้องใช้วีซ่าในการเดินทาง พอพูดถึง เรื่องขอวีซ่า หลายคนอาจถึงกับถอดใจ เพราะมองว่า ประเทศที่ขอวีซ่ายากที่สุด เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ทำให้บางคนยังไม่เคยขอวีซ่า กลัวขอวีซ่าไม่ผ่าน

แต่ความเป็นจริงแล้ว การขอวีซ่าไม่ใช่เรื่องที่ยาก และน่ากลัวอย่างที่ใครหลายคนคิด ลองมาดูรายละเอียด เกี่ยวกับการขอวีซ่าที่จะเปลี่ยนความคิดเดิมๆ กันเลย

วีซ่าคืออะไร

เราลองมาทำความรู้จักกับวีซ่าก่อน วีซ่าคือเอกสารที่ใช้ประกอบกับ Passport หรือหนังสือเดินทาง เพื่อใช้เข้าประเทศที่ผู้เดินทางต้องการจะไป โดยมีช่วงระยะเวลาที่กำหนดไว้ว่า สามารถ เดิมพันฟรีเครดิต อยู่ภายในระยะเวลากี่เดือน

โดยวีซ่าจะต้องออกโดย สถานทูตของประเทศ ที่ผู้เดินทางต้องการจะไปเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนกันได้

ผู้เดินทางจำเป็นต้องแสดงวีซ่าที่ ด่านตรวจคนเข้าเมือง ทุกครั้ง วีซ่านั้นมีหลายประเภท เช่น วีซ่าสำหรับท่องเที่ยว วีซ่าสำหรับทำงาน วีซ่าสำหรับการศึกษา รวมไปถึง การเดินทางต่อเครื่องบินไปยังประเทศที่ 3 ก็ต้องมีการขอวีซ่าด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงควรขอวีซ่าตามจุดประสงค์ที่จะไป เพราะค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่า แต่ละประเภทนั้นแตกต่างกัน

และที่สำคัญ คือ การขอวีซ่าแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ทั้งเงื่อนไข เอกสาร ความยากในการขอ และระยะเวลาของวีซ่าที่สามารถขอได้ จึงควรศึกษาให้ละเอียดทุกครั้ง ก่อนที่จะไปขอวีซ่า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

อยากขอวีซ่าต้องทำอย่างไร ถ้าอยากขอวีซ่า สามารถติดต่อที่ไหนได้บ้าง 

1. ติดต่อสถานทูต หรือ ศูนย์รับยื่นคำร้องขอวีซ่าโดยตรง

เป็นวิธีการแบบเก่าที่คนส่วนใหญ่ทำเมื่อต้องการขอวีซ่า คือเป็นการไปยื่นขอวีซ่าด้วยตัวเอง โดยก่อนที่จะไปติดต่อที่สถานทูตหรือศูนย์รับยื่นคำร้องขอวีซ่า จำเป็นที่จะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม

รายละเอียดของเอกสารที่ต้องเตรียมนั้น สามารถเข้าไปดูได้ตามWebsize สถานทูตของแต่ละประเทศ เพราะแต่ละประเทศ จะมีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกัน

2. ยื่นขอวีซ่าออนไลน์

ปัจจุบันบางประเทศ สามารถยื่นขอ วีซ่าแบบออนไลน์ ได้แล้ว เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว โดยสามารถเข้าไปกรอกแบบฟอร์มแบบออนไลน์ และUploadข้อมูลส่วนตัว เช่น รูปถ่าย และเอกสารที่จำเป็น ต่อการพิจารณาต่างๆ ซึ่งเมื่อเข้าไปยังเว็บไซต์จะมีบอกรายละเอียดว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง

ประเทศที่สามารถยื่นขอวีซ่าแบบออนไลน์ได้ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และ แคนาดา เป็นต้น ยังไงก็ตามแต่ การยื่นวีซ่าแบบออนไลน์ก็มีข้อกำหนด และระยะเวลาในการยื่น ที่ต้องศึกษาก่อนทุกครั้ง

3. ขอวีซ่าที่สนามบินปลายทาง (Visa on Arrival)

มักมีคนสับสนระหว่าง Visa on Arrival กับ Visa Free อย่าเข้าใจผิดว่าเมือนกัน เพราะ Visa Free คือสามารถเข้าได้ตามระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่ต้องมีวีซ่า แต่ Visa on Arrival คือวีซ่าที่ผู้ถือพาสปอร์ตไทย สามารถขอวีซ่าได้ที่สนามบินปลายทาง ณ ช่องทางตรวจคนเข้าเมืองได้เลย

โดยยังต้องกรอกแบบฟอร์มให้ครบ และเสียค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่า ขึ้นอยู่กับระยะเวลา ที่จะอาศัยอยู่ในประเทศนั้น ๆ ทั้งนี้การอนุมัติวีซ่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ ว่าจะให้ผ่านเข้าเมืองหรือไม่

สำหรับประเทศที่สามารถทำวีซ่าแบบ Visa on Arrival ได้ เช่น ฟิจิ จอร์แดน เนปาล และ หมู่เกาะโซโลมอน  ยังไงก็ตามแต่ ควรศึกษาข้อมูลที่อัพเดทล่าสุด เพราะ Visa on Arrival สามารถมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

เอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่านั้นมีอะไรบ้าง

ในการขอวีซ่า หากมีเอกสารครบก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง ดังนั้น เรามาดูกันว่าเอกสารอะไร ที่ควรเตรียมพร้อมก่อนจะไปขอวีซ่าบ้าง

1. หนังสือเดินทาง Passport เล่มปัจจุบันที่ยังไม่หมดอายุ โดยปกติแล้วต้องมีอายุคงเหลือมากกว่า 6 เดือน และมีหน้าว่างสำหรับรับตราปรับทับวีซ่าอย่างน้อย 1 หน้า 2. รูปถ่ายตามที่สถานทูตกำหนด – ขนาดและเงื่อนไขตามแต่ละสถานทูตกำหนด

2. หลักฐานการทำงาน กรณีทำงานประจำ ได้แก่ หนังสือรับรองการทำงาน ใบลางาน หรือ สลิปเงินเดือน เพื่อยืนยันว่ามีงานทำอยู่จริง หากเป็นเจ้าของกิจการ สามารถยื่นหนังสือรับรองบริษัท หรือเอกสารอื่น ๆ ที่แสดงว่าเป็นเจ้าของกิจการ และ Statement กิจการย้อนหลัง 6 เดือน หากเกษียณอายุแล้ว สามารถยื่นเอกสารการเกษียณอายุ เช่น สำเนาบัตรข้าราชการ สำเนาเอกสารการจ่ายบำนาญ สำเนาเอกสารรับรองการทำงานที่สุดท้าย เป็นต้น

3. หลักฐานการศึกษา หนังสือรับรองการศึกษา ว่าเป็นนักศึกษาระดับไหน สถาบันใด เพื่อยืนยันว่าจะกลับมาเรียนต่อ บางครั้งอาจจะใช้ผลการเรียนหรือ Transcrip ด้วย

4. แผนการเดินทาง เอกสารประกอบเพื่อแสดงวัตถุประสงค์ การเดินทางว่าเดินทางไปทำอะไรบ้าง ระยะเวลาที่ไปประมาณกี่วัน และมีแผนว่าจะกลับมาเมื่อไหร่

5. หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน

6. เอกสารการจองที่พัก หลักฐานการจองที่พัก ที่อยู่ของที่พัก ในกรณีที่มีที่พักแล้ว หากยังไม่มีสามารถใช้หนังสือรับรองการจัดหาที่พักได้

7. สำเนาเอกสารส่วนตัว เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล ใบสมรส ใบหย่า เป็นต้น

8. หลักฐานทางการเงิน รายการความเคลื่อนไหวบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน เพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือ

ทั้งนี้ อาจมีเอกสารอื่น ๆ อีก ซึ่งแล้วแต่ สถานทูตที่จะไปติดต่อขอเพิ่มเติม บางประเทศอาจขอหลักฐานการตรวจสุขภาพ และต้องกรอกแบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าให้ครบถ้วน